หลุมสิวหายแล้ว แต่รอยแดงยังอยู่ – วิธีจัดการให้ผิวกลับมาเรียบเนียน

ทำไมหลุมสิวหาย แต่รอยแดงยังไม่หาย?

หลายคนฟื้นฟูหลุมสิวจนตื้นขึ้นแล้ว แต่กลับพบว่า รอยแดงหลังสิว (Post-inflammatory Erythema – PIE) ยังอยู่ ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนใสอย่างที่หวัง นั่นเพราะว่า รอยแดงสิว เกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวที่ขยายตัวระหว่างการอักเสบของสิว เมื่อสิวหายแล้ว เส้นเลือดเหล่านี้ยังคงอยู่ จึงทำให้เกิดเป็นรอยแดงขึ้นนั่นเอง

รอยแดงต่างจากรอยดำ และต้องใช้วิธีดูแลที่แตกต่างกัน หากปล่อยทิ้งไว้อาจใช้เวลานานกว่าจะจางไปเอง บางเคสอาจอยู่นานหลายเดือนถึงเป็นปี

วิธีจัดการกับรอยแดงหลังหลุมสิว

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดงที่ช่วยปลอบประโลมผิว

• Centella Asiatica (สารสกัดใบบัวบก): ลดการอักเสบ เสริมสร้างผิวใหม่
• Niacinamide: ลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
• Allantoin: ช่วยปลอบประโลม ลดการระคายเคือง
• Aloe Vera (ว่านหางจระเข้): ให้ความชุ่มชื้น ลดรอยแดง

2. ทาครีมกันแดดทุกวัน สำคัญมาก!

แสงแดดเป็นตัวการที่ทำให้รอยแดงเข้มขึ้น หรือเปลี่ยนเป็นรอยดำ
เลือก: SPF 50+ และ PA++++
ประเภท: Physical Sunscreen อ่อนโยนกับผิวแพ้ง่าย

3. ใช้ Vitamin C เสริมการฟื้นฟูผิว

คุณสมบัติ: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนรอยแดงให้จางลง
วิธีใช้: ใช้ตอนเช้าก่อนทากันแดด

4. หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรง ๆ

การขัดผิวหรือใช้สครับบ่อยเกินไป อาจทำให้เส้นเลือดฝอยอักเสบเพิ่มขึ้น และทำให้รอยแดงอยู่ได้นานกว่าเดิม

5. การทำเลเซอร์ลดรอยแดง (กรณีรอยแดงฝังลึก)

• V-Beam Laser: ยิงเลเซอร์ลดเส้นเลือดฝอยใต้ผิว ลดรอยแดงได้ตรงจุด
• IPL (Intense Pulsed Light): กระตุ้นให้เส้นเลือดฝอยจางลง และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ใช้เวลานานแค่ไหน รอยแดงถึงจะหาย?

• รอยแดงเล็กน้อย: 1-3 เดือน
• รอยแดงฝังลึก: 6 เดือน - 1 ปี หรืออาจนานกว่านั้น หากไม่มีการรักษาเสริม

สรุป

รอยแดงหลังสิวเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัว สามารถจางลงได้เอง แต่ต้องใช้เวลา การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ปลอบประโลมผิว เช่น Centella, Niacinamide และการทากันแดดเป็นประจำ จะช่วยให้รอยแดงจางไวขึ้น หากรอยแดงฝังลึก อาจพิจารณาเลเซอร์ร่วมด้วย เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเร็วขึ้น