"รอยสิว หลุมสิว ไม่ต้องทน! ค้นพบตัวช่วยเพื่อผิวเรียบเนียนที่แท้จริง"

หมดปัญหาหลุมสิว! ทางออกเพื่อผิวเรียบเนียน พร้อมให้คุณมั่นใจอีกครั้ง

หลุมสิวเก่า ผิวไม่เรียบ? ฟื้นฟูได้! แค่เลือกวิธีที่ใช่ให้ผิวคุณ

สาเหตุและกลไกการเกิดหลุมสิว – ทำความเข้าใจก่อนป้องกันอย่างถูกวิธี (H1)

ก.พ. 25, 202530 นาทีในการอ่าน

"ทำความเข้าใจสาเหตุและกลไกการเกิดหลุมสิว พร้อมวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงของรอยแผลเป็นจากสิวได้ตั้งแต่ต้น"

สาเหตุและกลไกการเกิดหลุมสิว – ทำความเข้าใจก่อนป้องกันอย่างถูกวิธี (H1)

หลุมสิว เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนกังวล เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้ว ยังใช้เวลาฟื้นฟูค่อนข้างนาน บางกรณีอาจเป็นหลุมสิวถาวรหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

ก่อนที่จะหาวิธีรักษา เราต้องเข้าใจก่อนว่า หลุมสิวเกิดจากอะไร และมีปัจจัยอะไรที่ทำให้บางคนมีหลุมสิวง่ายกว่าคนอื่น

หลุมสิวเกิดจากอะไร? (H2)

หลุมสิวคือ แผลเป็นชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นหลังจาก สิวอักเสบทำลายเซลล์ผิว โดยเฉพาะสิวอักเสบที่รุนแรง หรือมีการติดเชื้อร่วม เช่น สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์

เมื่อสิวอักเสบหายไป ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายโดยใช้ คอลลาเจน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทน แต่ถ้าคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมา ไม่เพียงพอหรือไม่สมดุล อาจทำให้เกิด รอยบุ๋ม หรือที่เรียกว่าหลุมสิว ได้

ทำไมบางคนเป็นสิวเยอะ แต่ไม่เป็นหลุมสิวเลย? (H2)

บางคนแม้จะเป็นสิวหนัก แต่กลับไม่มีหลุมสิว ขณะที่บางคนมีเพียงไม่กี่เม็ดก็ทิ้งรอยหลุมสิวไว้ถาวร สิ่งที่ทำให้แต่ละคนมีความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวไม่เท่ากัน มีดังนี้

1. ความรุนแรงของสิวอักเสบ (H3)

  • สิวอักเสบรุนแรงมาก มีโอกาสทำลายเซลล์ผิวลึกลงไป
  • หากมีการติดเชื้อรุนแรง จะทำให้เซลล์ผิวถูกทำลายมากขึ้น

2. พฤติกรรมการกดสิวผิดวิธี (H3)

  • การกดสิวเองหรือแคะ แกะ บีบสิวอย่างรุนแรง ทำให้รูขุมขนฉีกขาด
  • กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารอักเสบมากขึ้น ส่งผลให้ผิวถูกทำลายลึก

3. การซ่อมแซมผิวของร่างกาย (H3)

  • หากร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนมาซ่อมแซมผิวได้สมบูรณ์ ก็จะไม่เกิดหลุมสิว
  • แต่ถ้าคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมา ไม่สมดุล หรือมีปริมาณไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นยุบตัว

4. กรรมพันธุ์และปัจจัยทางพันธุกรรม (H3)

  • บางคนมีพันธุกรรมที่ทำให้เกิดแผลเป็นง่าย และซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ช้ากว่าคนอื่น

กลไกการเกิดหลุมสิว (H2)

หลังจากที่เกิดสิวอักเสบ ร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. ระยะอักเสบ (H3)

  • เมื่อสิวเกิดการอักเสบ ร่างกายจะส่ง เม็ดเลือดขาว ไปกำจัดเชื้อโรค
  • หากสิวมีความรุนแรงมาก จะทำให้เซลล์ผิวโดยรอบเสียหาย

2. ระยะสมานแผล (H3)

  • ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย
  • ถ้าร่างกายผลิตคอลลาเจน มากเกินไป อาจทำให้เกิด แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)
  • ถ้าผลิตคอลลาเจน ไม่พอ จะเกิดเป็น หลุมสิว (Atrophic Scar)

3. ระยะฟื้นฟูผิว (H3)

  • ผิวจะพยายามสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา แต่หากกระบวนการนี้ ไม่สมบูรณ์ ก็จะทำให้เกิดรอยหลุมสิวถาวร

ปัจจัยที่ทำให้หลุมสิวลึกและรักษายากขึ้น (H2)

  • พฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจน เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ นอนดึก
  • พันธุกรรม มีเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนสูงกว่าคนอื่น
  • การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น ปล่อยให้สิวอักเสบเรื้อรัง ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

วิธีป้องกันหลุมสิวก่อนเกิดขึ้น (H2)

  • หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ บีบสิว ให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำ
  • รักษาสิวให้เร็วที่สุด ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ เช่น Niacinamide, Centella Asiatica
  • เสริมคอลลาเจนให้ผิว เช่น อาหารโปรตีนสูง (ปลา ไข่ เนื้อสัตว์) และสกินแคร์ที่ช่วยสร้างคอลลาเจน (Retinol, Vitamin C)
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป

สรุป – ป้องกันหลุมสิวก่อนสายเกินไป (H2)

ปัจจัยที่ทำให้เกิดหลุมสิวแนวทางการป้องกัน
สิวอักเสบรุนแรงรีบรักษาสิวก่อนเกิดการอักเสบเรื้อรัง
แคะ แกะ บีบสิวหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิว และใช้ยาแต้มสิวแทน
พฤติกรรมทำลายคอลลาเจนนอนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์ และความเครียด
ไม่ทาครีมกันแดดปกป้องผิวจากรังสี UV ทุกวัน
พันธุกรรมดูแลผิวอย่างถูกวิธี และเสริมคอลลาเจนจากอาหารและสกินแคร์

การทำความเข้าใจ กลไกการเกิดหลุมสิว จะช่วยให้เรารู้วิธีป้องกันตั้งแต่ต้น หากคุณมีแนวโน้มเป็นหลุมสิวง่าย ควรดูแลผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดสิวอักเสบ และเสริมสร้างคอลลาเจนเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

รูปภาพจดหมายข่าว
ไอคอนหลัก
จดหมายข่าว

สมัครรับข่าวสารและโปรโมชันสุดพิเศษจาก Infresh

เมื่อกดปุ่มสมัคร แสดงว่าคุณยอมรับเงื่อนไขและข้อกำหนดของเรา

Your experience on this site will be improved by allowing cookies Cookie Policy